27.2.57

ธุรกิจสุขภาพของไทยจะโตต่อไปอย่างไร (ตอนที่3)

สภาวะตลาดของโรงพยาบาลเอกชน

ในปี 2556 ที่ผ่านมา ผลประกอบการของโรงพยาบาลเอกชน (ตัวเลขจากกรมธุรกิจการค้า กระทรวงพานิชย์) รายได้รวมอยู่ที่ 36,069 ล้านบาท เทียบกับปีที่แล้ว 108,134 ล้านบาท ลดลงกว่า 67% ทำให้กำไรสุทธิลดลงเกือบจะ 100%



ปัญหาทางด้านการเมือง ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องเฝ้าระวัง เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก เนื่องจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองย่อมมีผลเสียต่อภาพลักษณ์ของไทย ทำให้คนไข้ชาวต่างชาติขาดความเชื่อมั่นทางด้านความปลอดภัย และอาจชะลอหรือเลื่อนการเดินทางมาไทย หรือไม่ก็อาจตัดสินใจเดินทางไปรักษาพยาบาลยังประเทศคู่แข่งก็เป็นไปได้ โดยเฉพาะคนไข้รายใหม่ๆ ที่จะตัดสินใจเลือกประเทศที่จะมารักษา ก็ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้น ปานกลางและยาว เพราะคนไข้บางคนต้องรักษาพยาบาลแบบต่อเนื่อง

ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทาการแพทย์ จากจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่มีค่อนข้างจำกัดไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาลภาคเอกชน ส่งผลให้โรงพยาบาลเอกชนมีการดึงบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลรัฐบาล รวมทั้งดึงจากโรงพยาบาลเอกชนด้วยกันเอง โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งปัญหาดังกล่าว เป็นปัญหาเดียวกับประเทศที่ต้องการพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ เช่น อินเดีย ก็มีปัญหาเช่นเดียวกันกับไทย

อุปสรรคอีกประการหนึ่งของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนคือการเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ทั้งในประเทศและการแข่งขันกับคู่แข่งต่างประเทศเช่น สิงคโปร มาเลเซีย และ อินเดีย

โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างโรงพยาบาลเอกชนด้วยกันเอง รวมทั้งการแข่งขันกับโรงพยาบาลรัฐที่หันมาพัฒนาตัวเองเพื่อแข่งกับโรงพยาบาลเอกชนมากขึ้น เช่น การให้บริการคลินิกพิเศษในช่วงหลังเวลาทำการปกติ ส่งผลให้ธุรกิจโรงพยาบาลขนาดใหญ่มีการปรับกลยุทธ์ในการแข่งขันเช่น การลดราคาค่าห้องพัก และการจัดแพ็คเกจรักษาในราคาประหยัด หรือแบบเหมาจ่ายราคาพิเศษ รวมถึงการสร้างธุรกิจในรูปแบบของเครือข่ายพันธทิตรทางธุรกิจ โดยผ่านการซื้อหรือควบรวมกิจการ เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน ลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อน และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การแข่งขันระหว่างประเทศเพื่อดึงคนไข้ชาวต่างชาติ ซึ่งในปัจจุบันมีหลายประเทศที่มีนโยบายสร้างรายได้ โดยการสนับสนุนธุรกิจบริการรักษาพยาบาลให้กับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนของประเทศต่างๆในเอเซีย ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย และอินเดีย ซึ่งต่างก็มุ่งไปที่คนไข้ชาวยุโรป และเอเซีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น จีน อาเซียนและตะวันออกกลางเช่นเดียวกับไทย

แม้ไทยจะมีข้อได้เปรียบจากค่ารักษาพยาบาลที่ต่ำกว่าประเทศคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ แต่ประเทศไทยยังมีจุดอ่อนอยู่หลายประการ โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ และทักษะด้านภาษาต่างประเทศที่เป็นข้อจำกัด ซึ่งจุดอ่อนดังกล่าวถือเป็นจุดเด่นของประเทศคู่แข่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น