4.1.57

อนาคตตลาดยาในประเทศไทย

           วงการยามองรัฐคุมค่าใช้จ่ายฉุดตลาดยา 1 แสนล้านหดตัวต่อเนื่อง บริษัทยาเตรียมดิ้นหาทางออกชี้เทรนด์ 3-5 ปีข้างหน้าคนไทยรู้เรื่องยามากขึ้น ล่าสุด บางบริษัทยาชั้นนำเฟ้นสินค้าสุขภาพความงามเข้าร้านขายยา เล็งควบกิจการยาแบรนด์ไทย ชี้ตลาดยาสมุนไพรยังเหนื่อย




จากการควบคุมการใช้ยาในโรงพยาบาลรัฐบาล ส่งผลให้ตลาดยาในประเทศไทย ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องมาประมาณ 3 ปี โดยปีนี้ตลาดยาในช่องทางภาครัฐลดลงประมาณ 10%  แต่ตลาดภาคเอกชนและร้านขายยายังเติบโต 5-6% หลายๆบริษัทหันไปทำตลาดในโรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยามากขึ้น

            ภาพรวมตลาดยาและเวชภัณฑ์ในประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาทแบ่งเป็นโรงพยาบาลภาครัฐและโรงเรียนแพทย์ 60% โรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยา 40% จากนี้ไปคาดว่าตลาดจะเริ่มมีสัดส่วนเท่ากัน หรือ 50:50 เนื่องจากการเติบโตของโรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยานอกจากนั้น ผู้ป่วยนิยมซื้อยารับประทานเองมากขึ้น ส่วนการควบคุมราคายาในช่องทางภาครัฐ ยังส่งผลให้ผู้ป่วยเลือกที่จะซื้อยาเอง นอกบริการของภาครัฐได้อีกด้วยอนาคตคาดว่าสัดส่วนอาจจะพลิกเป็น 60:40

            "แต่ก่อนคนกลุ่มหนึ่งไม่ไปร้านขายยาเพราะเห็นว่าไปโรงพยาบาลแล้วได้ยาฟรี แต่หลังจากนี้ พฤติกรรมอาจจะเปลี่ยนไป แล้วร้านขายยาในปัจจุบันมีเภสัชกรคอยให้ข้อมูลคนไข้รู้สึกว่ากล้าถามมากกว่า อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่ไม่ต้องรอคิวยาว จึงคาดว่าธุรกิจร้านขายยายังขยายตัวได้อีกมาก"

            สิ่งที่น่าสนใจอีกประการคือ พฤติกรรมของคนไทยกับการประกันสุขภาพ มีปริมาณมากขึ้นทุกปี และส่วนนั้นโรงพยาบาลเอกชนเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตอีกทั้งความรู้เรื่องยาของคนไทย จะถูกกล่าวถึงมากขึ้น เมื่อการสั่งยาจากโรงพยาบาลรัฐต้องเป็นไปตามข้อกำหนด ผู้ป่วยจะเริ่มถามหายาที่เหมาะกับตัวเอง หรือลงทุนจ่ายเอง เพื่อสิ่งที่พึงพอใจกว่า ซึ่งที่ผ่านมา ความรู้เรื่องยาของคนไทยถือว่าน้อยมาก แต่หากวันหนึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายหรือต้องเลือกยามากขึ้น ทำให้คนไทยจะหันมาสนใจเรื่องยามากกว่าที่ผ่านมา โดยคาดว่าอีก 3-5 ปีข้างหน้าภาพนี้จะปรากฏชัดขึ้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น