วงการยามองรัฐคุมค่าใช้จ่ายฉุดตลาดยา 1
แสนล้านหดตัวต่อเนื่อง บริษัทยาเตรียมดิ้นหาทางออกชี้เทรนด์ 3-5 ปีข้างหน้าคนไทยรู้เรื่องยามากขึ้น
ล่าสุด บางบริษัทยาชั้นนำเฟ้นสินค้าสุขภาพความงามเข้าร้านขายยา
เล็งควบกิจการยาแบรนด์ไทย ชี้ตลาดยาสมุนไพรยังเหนื่อย
จากการควบคุมการใช้ยาในโรงพยาบาลรัฐบาล
ส่งผลให้ตลาดยาในประเทศไทย ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องมาประมาณ 3 ปี
โดยปีนี้ตลาดยาในช่องทางภาครัฐลดลงประมาณ 10%
แต่ตลาดภาคเอกชนและร้านขายยายังเติบโต 5-6% หลายๆบริษัทหันไปทำตลาดในโรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยามากขึ้น
ภาพรวมตลาดยาและเวชภัณฑ์ในประเทศไทย
มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาทแบ่งเป็นโรงพยาบาลภาครัฐและโรงเรียนแพทย์ 60%
โรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยา 40% จากนี้ไปคาดว่าตลาดจะเริ่มมีสัดส่วนเท่ากัน หรือ
50:50 เนื่องจากการเติบโตของโรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยานอกจากนั้น
ผู้ป่วยนิยมซื้อยารับประทานเองมากขึ้น ส่วนการควบคุมราคายาในช่องทางภาครัฐ
ยังส่งผลให้ผู้ป่วยเลือกที่จะซื้อยาเอง
นอกบริการของภาครัฐได้อีกด้วยอนาคตคาดว่าสัดส่วนอาจจะพลิกเป็น 60:40
"แต่ก่อนคนกลุ่มหนึ่งไม่ไปร้านขายยาเพราะเห็นว่าไปโรงพยาบาลแล้วได้ยาฟรี
แต่หลังจากนี้ พฤติกรรมอาจจะเปลี่ยนไป
แล้วร้านขายยาในปัจจุบันมีเภสัชกรคอยให้ข้อมูลคนไข้รู้สึกว่ากล้าถามมากกว่า
อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่ไม่ต้องรอคิวยาว
จึงคาดว่าธุรกิจร้านขายยายังขยายตัวได้อีกมาก"
สิ่งที่น่าสนใจอีกประการคือ
พฤติกรรมของคนไทยกับการประกันสุขภาพ มีปริมาณมากขึ้นทุกปี
และส่วนนั้นโรงพยาบาลเอกชนเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตอีกทั้งความรู้เรื่องยาของคนไทย
จะถูกกล่าวถึงมากขึ้น เมื่อการสั่งยาจากโรงพยาบาลรัฐต้องเป็นไปตามข้อกำหนด
ผู้ป่วยจะเริ่มถามหายาที่เหมาะกับตัวเอง หรือลงทุนจ่ายเอง เพื่อสิ่งที่พึงพอใจกว่า
ซึ่งที่ผ่านมา ความรู้เรื่องยาของคนไทยถือว่าน้อยมาก
แต่หากวันหนึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายหรือต้องเลือกยามากขึ้น
ทำให้คนไทยจะหันมาสนใจเรื่องยามากกว่าที่ผ่านมา โดยคาดว่าอีก 3-5
ปีข้างหน้าภาพนี้จะปรากฏชัดขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น