2.1.57

10 แนวโน้มพฤติกรรมยู้บริโภคสุดฮอต ปี 2557

อีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ เปิดเผย 10 แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่โดดเด่นที่สุด ในปี พ.ศ. 2557 และอนาคต ซึ่งเป็นเวลามากกว่า 15 ปีแล้ว ที่อีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ ได้ทำการวิจัย สำรวจคุณค่า พฤติกรรม และแนวทางการใช้งาน ที่ผู้บริโภคมีต่อผลิตภัณฑ์และบริการด้านไอซีที โดยงานวิจัยทั่วโลกนี้อาศัยการสัมภาษณ์ผู้คนในแต่ละปี เป็นจำนวนมากกว่า 100,000 คน ในกว่า 40 ประเทศ และ 15 เมืองใหญ่

“แนวโน้มที่สำคัญที่สุดที่เราสังเกตเห็น คือ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในแอ็พและบริการที่ครอบคลุมในหลายอุตสาหกรรมและหลายภาคส่วนของสังคม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตประจำวันของเรา” ไมเคิล บียอน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของอีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ กล่าว

สำหรับ 10 แนวโน้มพฤติกรรมสุดฮอต ปี 2557 มีดังต่อไปนี้
       1. แอ็พกำลังเปลี่ยนสังคมของเรา -การเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของสมาร์ทโฟนทั่วโลก ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีที่เราสื่อสารและใช้อินเตอร์เน็ทอย่างสิ้นเชิง ในปัจจุบัน เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่มีการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อประโยชน์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และมีคนจำนวนมากที่กำลังแสวงหาแอ็พเพื่อใช้ในหลายภาคส่วนหรือรูปแบบต่างๆของการใช้ชีวิตในสังคม
       ตั้งแต่การจับจ่ายซื้อของและสถานรับเลี้ยงเด็ก ไปจนถึงการสื่อสารกับหน่วยงานต่างๆ และการคมนาคม แอ็พกลายเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าชนิดของมือถือที่คุณใช้เสียอีก
       2. ร่างกายของเราได้กลายเป็นรหัสผ่าน (password) รูปแบบใหม่ - เวบ์ไซต์ต่างๆเริ่มขอรหัสผ่าน (password) ที่ยาวขึ้น ประกอบไปด้วยตัวเลข ตัวอักษร และสัญญลักษณ์อื่น จนทำให้เราแทบจะจำไม่ได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดความสนใจในการใช้เทคโนโลยีด้านชีวภาพเข้ามาทดแทน เช่น จากงานวิจัยของเรา พบว่า 52 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ต้องการใช้ลายนิ้วมือมากกว่ารหัสผ่าน และ 48เปอร์เซ็นต์ มีความสนใจที่จะใช้การแสกนดวงตา เพื่อปลดล็อคหน้าจอ โดยรวมแล้วกว่า 74 เปอร์เซ็นต์ มีความเชื่อว่า สมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยีด้านชีวภาพจะกลายเป็นกระแสหลักในปี พ.ศ. 2557 และอนาคต

       3. การวัดค่าต่างๆของร่างกาย - ความดันโลหิต อัตรการเต้นของหัวใจ จำนวนก้าว เป็นเพียงตัวอย่างการเริ่มต้นของสิ่งที่พวกเราต้องการวัดค่าจากตัวเราเองเท่านั้นโดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือ และอิงจากข้อมูลที่เราสร้างขึ้นเอง คุณเพียงแค่เริ่มใช้แอ็พเพื่อบันทึกกิจกรรมที่ทำ อันจะช่วยให้เข้าใจตนเองดีขึ้น
       และจะมีการพัฒนาแอ็พใหม่ๆที่สามารถวัดค่าในกิจกรรมต่างๆอีกมาก โดยประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ใช้โทรศัพท์ในการบันทึกข้อมูลกิจกรรมการเคลื่อนไหวของพวกเขา และ กว่า 56 เปอร์เซ็นต์ต้องการวัดความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจของพวกเขาโดยการใช้แหวนที่สวมใส่อีกด้วย
       4. ความคาดหวังว่าจะมีอินเตอร์เน็ทในทุกที่ (internet everywhere) ประสบการณ์ในการใช้งานอินเตอร์เน็ท ยังไม่สามารถเทียบเท่าบริการโทรในรูปแบบวอยซ์ (voice service) ฉละที่น่าสนใจก็คือ ผู้ใช้สมาร์ทโฟนต่างตระหนักแล้วว่า จำนวนแท่งวัดความแรงของสัญญาณบนหน้าจอโทรศัพท์ นั้นไม่อาจเป็นเครื่องชี้วัดว่าจะได้รับบริการดาต้าหรืออินเตอร์เน็ทที่ดีได้ เนื่องจากแท่งวัดในลักษณะดังกล่าวอาจดีเพียงพอสำหรับบริการวอยซ์ แต่อาจไม่ดีพอสำหรับบริการอินเตอร์เน็ท จากการสำรวจของเราพบว่า ผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อประสบการณ์ในการใช้อินเตอร์เน็ทบนรถไฟใต้ดินต่ำที่สุด
       5. สมาร์ทโฟนช่วยลดความแตกต่างทางดิจิตอล - การเข้าถึงอินเตอร์เน็ทในระดับโลก ถือว่ายังไม่เพียงพอและทั่วถึง ทำให้เกิดความแตกต่างในการเข้าถึงบริการดิจิตอล หรือที่เรียกว่า “the digital divide” การมีสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยาในตลาด ย่อมหมายถึงการที่ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่มีราคาแพงในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ทอีกต่อไป ผู้ใช้โดยรวม 51 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลกรู้สึกว่า โทรศัพท์มือถือคือการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุด และสำหรับคนจำนวนมาก มันได้กลายเป็นเครื่องมือหลักในการเข้าสู่อินเตอร์เน็ท





       6. ประโยชน์ของบริการออนไลน์นั้นมีมากกว่าความเสี่ยงในการใช้งาน - จากการที่อินเตอร์เน็ทได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก็กำลังแสดงผลให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น โดย 56 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ททุกวัน มีความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัว (privacy issues) อย่างไรก็ตาม มีเพียง 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
       ที่กล่าวว่าจะใช้อินเตอร์เน็ทน้อยลง ผู้บริโภคมักเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ เช่น เพิ่มความระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัวบนโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น เป็นต้น
       7. วีดีโอออนดีมานด์ - ถึงแม้ว่าจะมีสื่อวีดีโอให้เลือกมากขึ้น แต่เรามีแนวโน้มที่จะเลือกด้วยตัวเองน้อยลง โดยในความเป็นจริงแล้วนั้น เพื่อนของเรานั้นมีผลอย่างยิ่งต่อการเลือกรับชมสื่อวีดีโอต่างๆของเรา โดยที่เราพบว่า 38 เปอร์เซ็นต์ของผู้ให้สัมภาษณ์ กล่าวว่า พวกเขาชมวีดีโอคลิปที่เพื่อนแนะนำอย่างน้อยหลายครั้งต่อสัปดาห์ นอกจากนั้นเพื่อนของเรายังมีผลต่อการเลือกอ่านบล็อคและการเลือกฟังเพลงอีกด้วย
       8. ต้องการความชัดเจนในการใช้ดาต้า - ผู้บริโภคโดยรวมกว่า 48 เปอร์เซ็นต์ เลือกใช้แอ็พเพื่อเข้าใจลักษณะการใช้ดาต้าของตนให้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ 41 เปอร์เซ็นต์ต้องการเพียงจะทราบว่าพวกเขาใช้ดาต้าไปเท่าไหร่ โดย 33 เปอร์เซ็นต์ ต้องการความมั่นใจว่าพวกเขาได้รับบิลหรือถูกคิดเงินอย่างถูกต้อง และ 31 เปอร์เซ็นต์
       ไม่ต้องการใช้ดาต้าเกินค่าที่จำกัดไว้โดยผู้ให้บริการเครือข่าย งานวิจัยนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนนิยมใช้แอ็พเพื่อวัดความเร็วของสัญญาณเชื่อมต่อเป็นประจำอีกด้วย
       9. เครื่องวัดเซ็นเซอร์ในสถานที่ต่างๆ - จากการที่บริการอินเตอร์เน็ตแบบอินเตอร์แอ็คทีฟ (interactive internet)ได้กลายเป็นเรื่องธรรมดา ผู้บริโภคเริ่มคาดหวังเพิ่มขึ้นว่า สภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ต่างๆของพวกเขาก็ควรจะได้รับการตรวจสอบด้ว โดยเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนเชื่อว่า ภายในปี พ.ศ. 2559 เซ็นเซอร์จะถูกนำมาใช้ในเกือบทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่บริการด้านสาธารณสุขและการคมนาคมขนส่งสาธารณะ ไปสู่รถยนต์ บ้าน และสถานที่ทำงานของพวกเรา
       10. ความสามารถในการ เล่น หยุด และเล่นต่อ ในที่อื่นๆได้ - จากการสำรวจพบว่า 19 เปอร์เซ็นต์ของการใช้บริการสตรีมมิ่ง เกิดขึ้นบนมือถือหรือแท็บเล็ต ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม โดยมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนสถานที่รับชมโทรทัศน์ไปมา ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของตน เช่น พวกเขาอาจเริ่มต้นรับชมสื่อที่บ้าน หยุดไว้แล้วดูต่อในขณะที่กำลังเดินทางไปทำงาน เมื่อมีการเปลี่ยนสถานที่ในลักษณะนี้ จึงมักมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้รับชมด้วย

เมื่อเรารู้พฤติกรรมเช่นนี้แล้ว...เราต้องคิดต่อกันเลยว่าพฤติกรรมนี้จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมที่เราอยู่มากน้อยเพียงใด... จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อรองรับมัน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น