12.3.55

5 ข้อหลักการตลาดสำคัญ 2012


     ปีปฏิทินนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์สมมติขึ้นเพื่อกำหนดช่วงเวลาในการเพาะปลูกพืชชนิดต่างๆ ในแต่ละฤดูกาล ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่ออ้างอิงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้เช่นกันทั้งการนับอายุ การเริ่มต้นและสิ้นสุดลงของเหตุการณ์ หรือกล่าวได้ว่าแสดงถึงความไม่หยุดนิ่งของธรรมชาติ

           ซึ่งมนุษย์ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ทั้งบุคคลรอบข้าง เหตุการณ์ที่ได้ประสบพบเจอ ข่าวสารที่รับรู้ และอายุขัยที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเหตุนี้นักการตลาดจึงต้องคอยปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่าง สม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นในใจของกลุ่มเป้าหมาย จนเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ และเลยไปสู่ความจงรักภักดีในแบรนด์ ในท้ายที่สุด

          หลักการที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี สังคมและวัฒนธรรม ซึ่งจะมีผลต่อ การวางแผนการตลาดในอนาคตตลอด ช่วง 5-10 ปี ข้างหน้า โดยประกอบไป ด้วย 5 แนวทางหลัก คือ

1. Reset - ย้อนสู่จุดกำเนิด
           แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค ในยุคต่อไปจะเปลี่ยนกลับไปให้ความสำคัญ กับความเรียบง่าย ทั้งในเรื่องของการออก แบบผลิตภัณฑ์ การใช้งานและการสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีเพียงปุ่มเพียงปุ่มเดียวหรือไม่มีเลย รวมถึงใช้สีที่เรียบไม่ฉูดฉาด
          ในส่วนของการสื่อสารนั้นผู้บริโภคจะมองหาความน่าเชื่อถือ มากกว่าคำโฆษณาถึงประโยชน์ที่ตนจะได้รับหรือความ ล้ำสมัยของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ดังนั้นแบรนด์จะต้องนำเสนอจุดเด่นของแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ให้เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงหรือจับต้องได้

2. Urbanite - ความสะดวก
           จากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ได้ทำให้ผู้บริโภคเคยชินกับความสะดวกรวดเร็วในการทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านทางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น สมาร์ทโฟนหรือ แท็บเล็ต และด้วยความสะดวกรวดเร็วนี้เองได้ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถรับรู้และสัมผัสกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัวได้อย่าง สะดวกรวดเร็ว
           ซึ่งความเร็วและความเคยชินนี้เป็นสิ่งที่ผลักดันให้ผู้บริโภคพยายามหนีออกจากความจำเจในสังคมที่ตนอยู่ไปสู่การเสาะ แสวงหาเรื่องราวและประสบการณ์แปลก ใหม่ จากต่างสถานที่และต่างวัฒนธรรม จนนำไปสู่การผสมผสานทางวัฒนธรรม

3. Digitize - โลกแห่งดิจิตอล
           การเติบโตของเครือข่ายทั้งในระบบ มีสายและไร้สาย ได้เปิดโอกาสให้ผู้คนจำนวนมากเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้จากทุกหนแห่ง และด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำลงทุกขณะ ซึ่งผู้คนเหล่านี้ก็ได้นำข้อมูลข่าว สารจากโลกจริงเปลี่ยนมาเป็นข้อมูลดิจิตอล และนำเข้าสู่โลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน
           ด้วยการแชร์ข้อมูลเหล่านี้บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ทำให้เกิดการรวมกลุ่มของผู้คนที่มีความสนใจรวมกันบนโลก ออนไลน์ ซึ่งแบรนด์ก็ได้ตอบสนองต่อการ รวมกลุ่มเหล่านี้ด้วยการเสนอสินค้าและบริการ เช่น เว็บไซต์โซเชียลมีเดียหรือการ ช็อปปิ้งเป็นกลุ่มอย่าง Groupon

4. Innovate - สัมผัสนวัตกรรม
           เดิมนั้นแบรนด์จะเป็นผู้ทำหน้าที่เลือก สรรและนำเสนอประสบการณ์ต่างๆ ให้แก่ผู้บริโภคซึ่งทำได้แต่เพียงรับรู้ประสบการณ์เหล่านั้น โดยไม่สามารถดัดแปลง แก้ไขส่วนหนึ่งส่วนใดได้ ซึ่งแม้วิธีการนี้จะสร้างความสนใจให้เกิดขึ้นในหมู่ผู้บริโภค แต่จะไม่ได้ความสนใจในระยะยาว
           ดังนั้น ด้วยการอาศัยเทคโนโลยีและ นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น จะช่วยให้ผู้บริโภคก้าวข้ามจากผู้รับประสบการณ์มาเป็นผู้เลือกและสร้างสรรค์ประสบการณ์เฉพาะในแบบของตน โดยปัจจุบันผู้บริโภค นิยมที่จะเลือกสัมผัสประสบการณ์สไตล์แฟนตาซีและไซไฟ มากขึ้น

5. Inspire - แรงบันดาลใจ
          ในปัจจุบันผู้บริโภคต้องการให้แบรนด์ เป็นมากกว่าพ่อค้าที่มีหน้าที่เพียงขาย สินค้า หรือบริการ แต่ต้องเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในสังคมที่แบรนด์นั้นตั้งอยู่ และแบ่งปันความ มั่งคั่งของตนในการให้ความช่วยเหลือแก่สังคม เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
           ซึ่งตัวผู้บริโภคเองก็ต้องการที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคมเหล่า นั้นเช่นกัน เนื่องด้วยความเชื่อที่ว่าตนเอง สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นแก่สังคมได้ นอกจากนี้ การช่วยเหลือสังคมที่ตนเข้ามีส่วนร่วมจะต้องเป็นกิจกรรม การพัฒนาที่ยั่งยืนด้วย
          นี่คือหลักการทั้ง 5 ข้อ ที่แบรนด์ต่างๆ จำเป็นจะต้องยึดเป็นแก่นในการสร้างแคมเปญและกลยุทธ์การตลาดในอนาคตนับจากนี้ไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น